สารคดีประวัติศาสตร์ XF-92 อสูรปีกเดลต้าที่ถูกนักบินเกลียดชัง
สารคดีประวัติศาสตร์ XF-92 อสูรปีกเดลต้าที่ถูกนักบินเกลียดชัง
ในยุคบุกเบิกของเครื่องบินเจ็ต มีเครื่องบินทดลองลำหนึ่งถือกำเนิดขึ้นพร้อมรูปทรงที่แปลกประหลาดล้ำยุค มันคือ Convair XF-92A เครื่องบินปีกสามเหลี่ยม (Delta Wing) ลำแรกๆ ของโลก ทว่าเบื้องหลังรูปลักษณ์ที่ปฏิวัติวงการนี้กลับซ่อนความขัดแย้งอันดุเดือดไว้ มันคือภาพสะท้อนวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของเหล่าวิศวกร ที่ต้องปะทะกับความจริงอันน่าสะพรึงกลัวของนักบินทดสอบ แม้ XF-92A จะเป็นเครื่องบินที่ควบคุมได้ยากอย่างน่าสังเวชจนนักบินต่างพากันเกลียดชัง แต่เศษซากแห่งความล้มเหลวของมันกลับกลายเป็นพิมพ์เขียวที่ส่งอิทธิพลต่อเครื่องบินรบที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์หลายต่อหลายรุ่น
บทความนี้จะพาคุณไปค้นพบ 4 เรื่องจริงที่น่าทึ่งที่สุดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง "อสูรร้ายที่บินได้อย่างน่าสังเวช" ลำนี้ ซึ่งได้ปูทางให้กับอนาคตของการบินอย่างเงียบๆ
1. เครื่องบินแฟรงเกนสไตน์: สร้างจากชิ้นส่วนของเครื่องบินลำอื่น
เพื่อประหยัดเวลาและงบประมาณในการพัฒนา โครงการ XF-92A จึงใช้วิธีการที่คาดไม่ถึง นั่นคือการสร้างภาพแห่งอนาคตขึ้นมาจากสุสานแห่งอดีต ตัวเครื่องบินต้นแบบถูกประกอบขึ้นจากการนำชิ้นส่วนที่มีอยู่แล้วของเครื่องบินรุ่นอื่นๆ มาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันเหมือนกับอสูรกายของแฟรงเกนสไตน์ ชิ้นส่วนสำคัญหลายชิ้นถูกหยิบยืมมาจากเครื่องบินต่างรุ่นต่างยุค เพื่อให้เครื่องบินทดลองปีกสามเหลี่ยมลำแรกของโลกขึ้นบินได้เร็วที่สุด
ชิ้นส่วนที่ถูกนำมาประกอบร่างได้แก่:
• เครื่องยนต์และระบบไฮดรอลิก จากเครื่องบินขับไล่ Lockheed P-80 Shooting Star
• ชุดฐานล้อหลัก จากเครื่องบินขับไล่ North American FJ-1 Fury
• ล้อหน้า จากเครื่องบินขับไล่ Bell P-63 Kingcobra
• แป้นเหยียบหางเสือ จากเครื่องบินฝึก BT-13 Trainer
• เก้าอี้ดีดตัวและฝาครอบห้องนักบิน จากโครงการ Convair XP-81 ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว
นับเป็นความขัดแย้งที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง ที่เครื่องบินซึ่งมีดีไซน์ล้ำยุคอย่างปีกสามเหลี่ยมสำหรับความเร็วเหนือเสียง กลับถูกสร้างขึ้นจากการหยิบยืมชิ้นส่วนจากเครื่องบินยุคเก่าที่บินด้วยความเร็วต่ำกว่าเสียง สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายทางวิศวกรรมและข้อจำกัดในยุคแห่งการทดลองนั้นได้เป็นอย่างดี
2. "อสูรร้ายที่บินได้อย่างน่าสังเวช": ทำไมนักบินถึงเกลียดมัน
ชื่อเสียงในแง่ลบของ XF-92A ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากประสบการณ์โดยตรงของเหล่านักบินทดสอบผู้กล้าหาญที่ต้องต่อสู้กับมันบนฟากฟ้า ปัญหาหลักของมันคือระบบควบคุมไฮดรอลิกที่ไวต่อการสัมผัสอย่างยิ่งยวด ดังเรื่องเล่าที่ชัค เยเกอร์ (Chuck Yeager) แนะนำพันเอก อัล บอยด์ (Al Boyd) ถึงเทคนิคการนำเครื่องขึ้นว่า “ท่านครับ พอท่านวิ่งไปบนรันเวย์ แล้วมาตรวัดความเร็วชี้ไปที่ 180 นอต ท่านแค่เป่าลมเบาๆ ใส่คันบังคับก็พอ นั่นคือทั้งหมดที่ท่านต้องทำ” ซึ่งต่อมาบอยด์ได้รำลึกว่ามัน “แทบจะควบคุมไม่ได้เลย”
สก็อตต์ ครอสส์ฟิลด์ (Scott Crossfield) นักบินทดสอบระดับตำนานของ NACA (องค์การนาซาในปัจจุบัน) ก็ได้พบกับประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาลองขับมันบนพื้นดิน เขาได้รับคำแนะนำให้เชิดหัวเครื่องขึ้นเพื่อชะลอความเร็ว แต่เมื่อเขาทำเช่นนั้น เขากลับไม่สามารถกดหัวเครื่องลงได้อีก เครื่องบินพุ่งทะยานไปสุดขอบลานบินแห้งด้วยความเร็วสูง ครอสส์ฟิลด์ตัดสินใจหักเลี้ยวไปยังถนนลูกรังของเทศมณฑลที่อยู่ใกล้ๆ เบรกไหม้จนหลอมละลาย และเครื่องก็หยุดลงบนถนนเส้นนั้นพอดิบพอดี เหตุการณ์นี้ทำให้นักบินคนอื่นๆ ตั้งชื่อถนนเส้นนั้นว่า "ครอสส์ฟิลด์ ไพค์" (Crossfield Pike) เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
นอกจากนี้ มันยังมีอาการหัวเชิดขึ้นอย่างรุนแรง (pitch-up) ขณะเลี้ยวด้วยความเร็วสูง ซึ่งการทดสอบเผยให้เห็นว่ามันสร้างแรงกระทำต่อนักบินสูงถึง 6 Gs และมีครั้งหนึ่งที่สูงถึง 8 Gs ครอสส์ฟิลด์ได้สรุปประสบการณ์ของเขากับเครื่องบินลำนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า:
"Nobody wanted to fly the XF-92. There was no lineup of pilots for that airplane. It was a miserable flying beast."
“ไม่มีใครอยากบินเจ้า XF-92 หรอก ไม่มีการต่อคิวเพื่อจะได้บินเครื่องบินลำนั้นเลย มันเป็นอสูรร้ายที่บินได้อย่างน่าสังเวชจริงๆ”
แต่ประสบการณ์อันน่าสะพรึงกลัวของนักบินเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวของความอันตราย มันคือแหล่งข้อมูลดิบที่สำคัญยิ่งยวด ทุกครั้งที่เครื่องบินเกิดอาการที่คาดเดาไม่ได้ มันคือข้อมูลล้ำค่าที่ส่งตรงถึงทีมวิศวกรของ Convair ทำให้พวกเขาเข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ในเครื่องบินรุ่นต่อๆ ไป ความเสี่ยงที่นักบินต้องเผชิญในเที่ยวบินทดสอบกว่า 300 เที่ยว คือสิ่งที่แลกมาซึ่งความสำเร็จในอนาคตโดยตรง
3. การค้นพบโดยบังเอิญที่เปลี่ยนโฉมหน้าเครื่องบินขับไล่
ท่ามกลางปัญหามากมาย XF-92A กลับมอบของขวัญล้ำค่าให้แก่วงการบินโดยบังเอิญ ในระหว่างการทดสอบ ชัค เยเกอร์ ได้ค้นพบคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจของมัน เขาพบว่าเครื่องบินลำนี้สามารถควบคุมได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อที่มุมปะทะ (angle of attack) สูงมากๆ เยเกอร์รำลึกในภายหลังว่า “คุณไม่สามารถทำให้เครื่องบินลำนี้ร่วงหล่น (stall) ได้เลย” เขาสามารถดึงหัวเครื่องขึ้นได้สูงถึง 45 องศา และยังคงควบคุมเครื่องได้ ซึ่งทำให้เขานำเครื่องลงจอดด้วยความเร็วต่ำอย่างน่าตกใจเพียง 67 ไมล์ต่อชั่วโมง (ประมาณ 108 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งช้ากว่าความเร็วที่นักบินคนอื่นเคยทำได้นับร้อยไมล์ต่อชั่วโมง
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากการสร้างกระแสลมวนความเร็วสูง (vortex) ที่มีความเสถียรอย่างยิ่งยวดเหนือปีก ซึ่งเป็นหลักการของ "vortex lift" การค้นพบนี้มีความสำคัญอย่างมหาศาล เพราะมันได้นำไปสู่การพัฒนาชิ้นส่วนอากาศพลศาสตร์ที่ปฏิวัติวงการในเครื่องบินรบรุ่นใหม่ๆ เช่น ปีกเล็กหน้า (canards) และแผ่นสร้างกระแสลมวนที่โคนปีก (leading edge extensions) ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องแคล่วในการบินได้อย่างก้าวกระโดด และมรดกของปีกสามเหลี่ยมนี้ยังคงสืบทอดมาจนถึงเครื่องบินรบในศตวรรษที่ 21 อย่าง Eurofighter Typhoon
4. ดาราฮอลลีวูดที่ล้มเหลว: ถูกตัดออกจากบทบาทเครื่องบินรบโซเวียต
เรื่องราวชีวิตของ XF-92A ยังมีบทบาทที่น่าขบขันในวงการฮอลลีวูดอีกด้วย เครื่องบินลำนี้ถูกนำไปทาสีใหม่เพื่อรับบทเป็นเครื่องบินรบโซเวียต "MiG-23" (ซึ่งเป็นชื่อที่แต่งขึ้นมาก่อนจะมี MiG-23 ตัวจริงเสียอีก) ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของโฮเวิร์ด ฮิวจ์ส เรื่อง Jet Pilot ที่นำแสดงโดยจอห์น เวย์น
แต่น่าเสียดายที่โชคชะตาไม่เข้าข้าง หลังจากที่ภาพยนตร์ล่าช้าในการออกฉายไปนานหลายปี ฉากทั้งหมดที่มีเครื่องบินลำนี้ปรากฏอยู่ก็ถูกตัดออกไปจนหมดสิ้น ดูเหมือนว่าแม้แต่เครื่องบินปฏิวัติวงการลำนี้ก็ยังหนีโชคร้ายไม่พ้น แม้กระทั่งในโลกมายา อย่างไรก็ตาม มันกลับได้ปรากฏตัวสั้นๆ ในเวลาต่อมาในภาพยนตร์เรื่อง Toward the Unknown ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าขันอย่างยิ่ง เพราะในครั้งนี้มันต้องปลอมตัวเป็นเครื่องบิน F-102 Delta Dagger ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นลูกที่ประสบความสำเร็จของมันเอง
มรดกของเครื่องบินที่ถูกลืม
Convair XF-92A คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าความล้มเหลวก็สามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ มันเป็นโครงการที่ถูกยกเลิก ไม่มีใครรัก และเต็มไปด้วยปัญหาทางเทคนิค แต่ข้อมูลอันล้ำค่าที่ได้จากการทดสอบที่เจ็บปวดได้กลายเป็นรากฐานสำคัญที่ปูทางไปสู่เครื่องบินปีกสามเหลี่ยมอันเป็นสัญลักษณ์ของยุคสงครามเย็น เครื่องบินรบ F-102 Delta Dagger, F-106 Delta Dart และเครื่องบินทิ้งระเบิดความเร็วเหนือเสียง B-58 Hustler ทุกลำที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ต่างก็มี "วิญญาณ" ของ XF-92A สถิตอยู่ในการออกแบบของมัน ซึ่งสร้างขึ้นจากบทเรียนที่ได้มาอย่างยากลำบากและน่าหวาดหวั่นจากเที่ยวบินทดสอบของมัน
เรื่องราวของมันทิ้งคำถามที่น่าคิดไว้ให้เรา: ในประวัติศาสตร์ ยังมีโครงการที่ "ล้มเหลว" และถูกมองข้ามอีกมากเพียงใด ที่ได้แอบเปลี่ยนแปลงโลกไปโดยที่เราไม่รู้ตัว?
https://youtu.be/NtOQpqQlcIA

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น