A-12 Avenger เครื่องบินจู่โจมล่องหนที่ถูกยกเลิก

 A-12 Avenger เครื่องบินจู่โจมล่องหนที่ถูกยกเลิก


ในโลกของการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ โครงการอากาศยานลับสุดยอดมักเต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าทึ่งและปริศนาที่ชวนให้ค้นหา หนึ่งในนั้นคือโครงการ A-12 Avenger II เครื่องบินรบแห่งอนาคตที่ดูราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟ มันถูกวางตัวให้เป็น "สุดยอดเครื่องบิน" ที่จะปฏิวัติการบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ แต่แล้วโครงการนี้ก็ถูกยกเลิกอย่างกะทันหันก่อนที่เครื่องบินต้นแบบแม้แต่ลำเดียวจะได้ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เกิดอะไรขึ้นเบื้องหลังม่านของโครงการป้องกันประเทศที่ทะเยอทะยานและเดิมพันสูงเช่นนี้? บทความนี้จะเปิดเผย 4 ความจริงที่น่าประหลาดใจและสวนทางกับความเชื่อทั่วไป ซึ่งได้เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ของโครงการนี้
--------------------------------------------------------------------------------
1. สมรภูมิที่แท้จริงของเพนตากอนคือ 'งบประมาณ' ไม่ใช่ 'แผนการรบ'
แรงผลักดันหลักที่อยู่เบื้องหลังโครงการ A-12 ไม่ได้เกิดจากภัยคุกคามทางการทหารที่เฉพาะเจาะจง แต่มาจากความขัดแย้งและการแข่งขันอย่างรุนแรงระหว่างเหล่าทัพ กองทัพเรือริเริ่มโครงการเครื่องบินสเตลธ์ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความอิจฉาที่เห็นกองทัพอากาศได้รับงบประมาณและชื่อเสียงจากโครงการเครื่องบินสเตลธ์ของตนเองอย่าง F-117 และ B-2 อย่างไรก็ตาม ปัญหาไม่ได้มีแค่การแข่งขันกับกองทัพอากาศเท่านั้น แต่ยังมีความขัดแย้งภายในกองทัพเรือเอง จอห์น เลห์แมน รัฐมนตรีว่าการทบวงทหารเรือในขณะนั้น ยังคงกังขาในเทคโนโลยีสเตลธ์ เขาเชื่อว่าเครื่องบิน A-6 ที่มีอยู่ก็สามารถเจาะทะลวงเครือข่ายเรดาร์ของโซเวียตได้ และต้องการเพียงการอัปเกรดเป็นรุ่น A-6F เท่านั้น เขาไม่ต้องการ "ทุ่มงบประมาณของกองทัพเรือลงไป" จนกว่าเทคโนโลยีนี้จะได้รับการพิสูจน์โดยกองทัพอากาศเสียก่อน โครงการนี้จึงถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความแตกแยก ทั้งจากความอิจฉาภายนอกและความไม่ไว้วางใจภายใน

นายพลเกษียณอายุท่านหนึ่งได้สรุปภาพความจริงอันน่าทึ่งนี้ไว้อย่างชัดเจน:
"หากคุณคิดว่าเพนตากอนมีไว้สำหรับวางแผนการรบ คุณเข้าใจผิดถนัด หน้าที่ที่แท้จริงของเพนตากอนคือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งงบประมาณต่างหาก"

การมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้เพื่อของบประมาณมากกว่าความจำเป็นเชิงยุทธศาสตร์ ได้กำหนดเส้นทางที่เต็มไปด้วยปัญหาให้กับ A-12 ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของแนวคิด

2. เทคโนโลยีสเตลธ์ไม่ใช่ 'ผ้าคลุมล่องหน' แต่เป็น 'ภาพลวงตาที่เปราะบาง' และต้องการการบำรุงรักษาสูง
ความเชื่อที่ว่าเครื่องบินสเตลธ์สามารถ "ล่องหน" จากจอเรดาร์ได้นั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าที่เกินจริง ในความเป็นจริง เทคโนโลยีสเตลธ์คือการประนีประนอมที่ซับซ้อน รูปทรงของเครื่องบินถูกออกแบบมาให้ตรวจจับได้ยากขึ้นจากมุมใดมุมหนึ่ง (เช่น จากด้านหน้า) แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่มันจะถูกตรวจจับได้ง่ายขึ้นจากมุมอื่นๆ การจะทำให้ลำแสงหายไปจากทุกมุมนั้นเป็นไปไม่ได้ และภาพลวงตานี้ก็เปราะบางอย่างยิ่ง แค่เพียงการกระทำง่ายๆ อย่าง "การเปิดประตูช่องทิ้งระเบิด ก็เพียงพอที่จะเปิดเผยตำแหน่งของคุณต่อเรดาร์พื้นฐานได้แล้ว"

ยิ่งไปกว่านั้น การใช้งานเครื่องบินสเตลธ์ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ถือเป็นความท้าทายอย่างมหาศาล น้ำทะเลที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสามารถสร้างความเสียหายให้กับผิวเคลือบพิเศษได้ และระบบที่ซับซ้อนเกินไปก็มักต้องการช่างเทคนิคพลเรือน (ที่เรียกว่า "Tech reps") เข้ามาดูแลรักษา เพราะเกินความสามารถของทหารเรือทั่วไป

จุดอ่อนของเครื่องบินสเตลธ์ถูกตอกย้ำด้วยตัวอย่างที่ชัดเจนในประเทศเซอร์เบีย เครื่องบิน F-117 มีอัตราการสูญเสียสูงกว่าเครื่องบิน F-16 ที่ไม่ใช่สเตลธ์ โดย F-117 ถูกยิงตก 1 ลำ และอีกลำได้รับความเสียหายหนักจนไม่สามารถกลับมาบินได้อีกตลอดช่วงสงครามนั้น
"เทคโนโลยีสเตลธ์เป็นแนวคิดที่ดูดีในห้องทดลอง แต่กลับมีปัญหามากมายเมื่อนำมาใช้งานจริง"

3. ความลับสุดยอดอาจ 'ทำลาย' โครงการได้มากกว่า 'ปกป้อง'
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความล้มเหลวของโครงการ A-12 คือการรักษาความลับที่เข้มงวดเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นแนวคิดที่สวนทางกับความเข้าใจทั่วไป โครงการนี้ถูกจัดชั้นความลับไว้สูงมาก (Over classified) และมีการแบ่งแยกข้อมูลอย่างสุดโต่ง ถึงขนาดที่วิศวกรในทีมเดียวกันถูกห้ามไม่ให้พูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาที่แต่ละคนกำลังแก้ไขอยู่ ซึ่งเป็นการขัดขวางความร่วมมือและการสร้างนวัตกรรมอย่างรุนแรง

ความล้มเหลวที่ร้ายแรงที่สุดของการรักษาความลับคือ การที่กองทัพอากาศละเมิดข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ทั้งๆ ที่มี "บันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding)" ระหว่างรัฐมนตรีว่าการทบวงทหารอากาศและทหารเรือ ว่าจะมีการแบ่งปันข้อมูลด้านสเตลธ์ แต่ข้อตกลงดังกล่าวกลับถูกเพิกเฉยครั้งแล้วครั้งเล่า การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่แค่การไม่ให้ความร่วมมือ แต่คือการทรยศในระดับสถาบันที่บ่อนทำลายโครงการมูลค่าหลายพันล้านเหรียญฯ โดยตรง และบีบให้ทีม A-12 ต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่หมด ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาที่โครงการอื่นเคยแก้ไขไปแล้ว

"คุณก็รู้ว่าโดยธรรมชาตินักวิทยาศาสตร์และวิศวกรต้องการแลกเปลี่ยนและผสมผสานองค์ความรู้กันอยู่เสมอ นั่นคือวิธีที่จะทำให้งานเดินหน้าไปได้ แต่ถ้าคุณมีกำแพงแห่งความลับมาขวางกั้นคุณจากคนที่มีคำตอบอยู่แล้ว...นั่นคือปัญหาใหญ่"

4. เครื่องบินรบมูลค่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถูกตัดสินชะตากรรมด้วย 'การแข่งขันจอมปลอม' และ 'การยกเลิกสัญญาแบบลวกๆ'
ท้ายที่สุดแล้ว ความล้มเหลวทางการบริหารและการเมืองคือสิ่งที่ปิดฉากโครงการ A-12 อย่างสมบูรณ์
ประการแรก การแข่งขันเพื่อชิงสัญญาในตอนเริ่มต้นเป็นเพียง "ละครฉากใหญ่" ที่ทั้งสองฝ่ายต่างรู้เห็นเป็นใจ กองทัพเรือได้ดึงบริษัท Northrop ให้เข้าร่วมในกระบวนการประมูลเพื่อสร้างภาพลวงตาว่ามีการแข่งขันจริง แต่ในความเป็นจริง ทอม โจนส์ ผู้นำของ Northrop รู้ดีว่าเงื่อนไขสัญญาราคาคงที่ (fixed-price) สำหรับโครงการวิจัยและพัฒนาที่ล้ำสมัยเช่นนี้เป็นเรื่อง "ไร้สาระ" เขาจึงจงใจยื่นข้อเสนอราคาแพงที่อิงกับรูปแบบ "ต้นทุนบวกกำไร" (Cost Plus) เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน ทำให้ข้อเสนอของเขาไม่เคยเข้าเกณฑ์ตั้งแต่แรก การแข่งขันครั้งนี้จึงเป็นเรื่องจอมปลอมที่ทั้งกองทัพเรือและ Northrop ต่างรู้ดี

ประการที่สองคือลักษณะการยกเลิกสัญญาที่เร่งรีบและขาดความเป็นมืออาชีพของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในขณะนั้นอย่าง ดิก ชีนีย์ การตัดสินใจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสุดสัปดาห์เพียงเพื่อต้องการดึงงบประมาณ 553 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปใช้ในสงครามอ่าวที่กำลังจะเกิดขึ้น

รายละเอียดที่น่าขันที่สุดของกระบวนการอันเร่งรีบนี้คือ เอกสารยกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการเป็นเพียงการคัดลอกและวางข้อความจากเอกสารที่ใช้ยกเลิกโครงการเครื่องบินลำอื่น (Lockheed P7) อย่างลวกๆ โดยในเอกสารฉบับนั้นมีการอ้างเหตุผลว่า A-12 ไม่สามารถทำตามข้อกำหนด "ระยะทางวิ่งขึ้นบนรันเวย์" (runway takeoff length) ได้ ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่ไม่มีความหมายเลยสำหรับเครื่องบินที่ถูกออกแบบมาให้ยิงออกจากเครื่องส่งบนเรือบรรทุกเครื่องบิน
--------------------------------------------------------------------------------

เรื่องราวของ A-12 Avenger II เป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า ความล้มเหลวของโครงการป้องกันประเทศขนาดมหึมามักไม่ได้มาจากอุปสรรคทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว แต่หยั่งรากลึกจากปัจจัยของมนุษย์ เช่น แรงกดดันทางการเมือง ระบบราชการที่เทอะทะ และอัตตาขององค์กร เมื่อพิจารณาถึงปัญหาเชิงระบบเหล่านี้ มีโครงการ 'แห่งอนาคต' อีกกี่โครงการที่อาจกำลังมุ่งหน้าสู่ชะตากรรมเดียวกัน ก่อนที่มันจะได้ออกจากกระดานร่างเสียอีก?

https://youtu.be/aYV_6rvvfLk






ความคิดเห็น