I SUED THE SCHOOL SYSTEM
I SUED THE SCHOOL SYSTEM
บทความนี้ถูกเรียบเรียงใหม่อาจไม่ตรงกับเนื้อหน้าเดิม Prince Ea เปรียบเทียบการศึกษาเหมือน "เครื่องจักร" ที่ล้าสมัยมากๆ เพราะยังใช้วิธีการสอนเหมือนเมื่อ 100 ปีก่อน ทั้งๆ ที่โลกเปลี่ยนไปมหาศาลแล้ว ประเด็นที่ยกขึ้นมา: โรงเรียนสอนทุกคนแบบเดียวกัน ทั้งที่เด็กแต่ละคนมีความแตกต่าง มีพรสวรรค์และความสนใจไม่เหมือนกัน ระบบการศึกษาวัดคุณค่าของเด็กจากการสอบและคะแนนเท่านั้น ทั้งที่ความฉลาดมีหลายรูปแบบ เช่น ดนตรี ศิลปะ กีฬา ฯลฯ การเรียนการสอนที่เน้นท่องจำ ไม่ได้ช่วยให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ หรือสร้างสรรค์จริงๆ ใช้รูปแบบการสอนแบบ "โรงงาน" (Factory Model) ที่มุ่งผลิต "แรงงาน" มากกว่าสร้าง "ผู้นำ" หรือ "นักคิด" ตั้งคำถามว่าทำไมโรงเรียนไม่เน้นสอนทักษะชีวิตสำคัญๆ เช่น การบริหารเงิน การสร้างความสัมพันธ์ หรือการจัดการอารมณ์
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยบอกว่าทุกคนเป็นอัจฉริยะ แต่ถ้าคุณตัดสินปลาด้วยความสามารถในการปีนขึ้นต้นไม้มันจะใช้ทั้งชีวิตของมันเชื่อว่ามันช่างโง่เขลา แต่ในวันนี้ระบบการศึกษาไม่ได้แค่ให้ปลาปีนขึ้นต้นไม้ แต่ยังให้ปีนลงอีกต่างหากและให้มันวิ่งอีก 16 กิโลเมตร
โรงเรียนภูมิใจในสิ่งที่เด็กๆ ทํารึเปล่า เปลี่ยนคนเป็นล้านล้านให้กลายเป็นหุ่นยนต์มันสนุกเหรอ คุณรู้มั้ยว่ามีเด็กกี่คนที่เหมือนปลาตัว นั้น เรียนอย่างหนักในห้องเรียนแต่ไม่พบพรสวรรค์ของตัวเอง ได้แต่คิดว่าตัวเองโง่เชื่อว่าตัวเองไร้ค่า มันหมดเวลาแก้ตัวแล้ว ผมขอกล่าวหาโรงเรียนว่าเป็น ฆาตกร ฆ่าความคิดสร้างสรรค์ ทําลายเอกลักษณ์ และเหยียดหยามทางความคิด มันคือระบบล้าสมัยที่หมดอายุไปแล้ว ผมจะพิสูจน์ให้ดู คุณเคยเห็นไหมโทรศัพท์เมื่อ 150 ปีก่อนแตกต่างกันกับโทรศัพท์ สมัยนี้ที่เป็นหน้าจอทัชสกรีน ตัวอย่างต่อมาคือรถเมื่อ 150 ปีก่อนแตกต่างกันกับรถสมัยนี้มาก แต่เมื่อเราลองนึกดูว่าห้องเรียนสมัยนี้ และห้องเรียนเมื่อ 150 ปีก่อน มันแตกต่างกันมั้น คำตอบคือไม่เลย มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างมากเมื่อกาลเวลานับร้อยปี แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แล้วคุณยังอ้างว่ากําลังเตรียมเด็กให้พร้อมสําหรับอนาคตเหรอ ด้วยหลักฐานเหล่านี้ผมขอถาม คุณเตรียมพร้อมนักเรียนสําหรับอนาคต หรือ อดีต ภาพเหล่านี้มันฟ้องว่าเด็กๆ ถูกสร้างขึ้นเพื่อฝึกไปทํางานในโรงงาน นั่นเป็นเหตุผลที่ระบบการศึกษาบังคับนักเรียน นั่งแถวหน้าให้เรียบร้อย และบอกให้นั่งเฉยๆ อย่าพูดแล้วก็ยกมือ พักแค่ตอนกินข้าวแล้วใช้เวลา 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อบอกว่าต้องคิดอะไร แล้วก็ให้แข่งกัน เพื่อเกรด A สัญลักษณ์ ของสินค้าคุณภาพ ผมเข้าใจในช่วงเวลานั้นมันแตกต่างพวกเรามีอดีต และผมก็ไม่ใช่ คานที แต่ในวันนี้มันต้องสร้างหุ่นยนต์ผีดิบอีกแล้ว โลกกําลังก้าวหน้าแล้วตอนนี้เราต้องการคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มีความคิดริเริ่มเอาจริงเอาจังพึ่งพาตัวเองได้ มีความสามารถในการเชื่อมโยง นักวิทยาศาสตร์ทุกคนจะบอกคุณว่าไม่มีสมองคู่ไหนที่เหมือนกัน และพ่อแม่ที่มีลูก 2 คนจะช่วยยืนยันได้แน่นอน แล้วทำไมระบบการศึกษา ถึงทํากับนักเรียนเหมือนกับแม่พิมพ์ขนม หรือหมวกแกร็บที่ปรับขนาดได้ สอนสิ่งห่วยๆ ให้ทุกคนในแบบเดียวกัน แต่ถ้าคุณหมอจ่ายยาแบบเดียวกันให้กับผู้ป่วยทุกคนผลของมันคือโศกนาฏกรรม และผู้ป่วยก็ยังป่วยอยู่แล้ว มันคือสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นในโรงเรียน การศึกษาที่ล้มเหลวครูหนึ่งคนสอนเด็ก 20 คน โดยแต่ละคนมีจุดแข็ง ความต้องการ พรสวรรค์ และมีความฝันที่ต่างกัน แต่คุณสอนในสิ่งที่เหมือนเหมือนกันให้กับเด็กๆ มันแย่มาก อาชีพครูที่มีหน้าที่สําคัญที่สุดบนโลกนี้กลับมีรายได้แค่พอกิน ไม่แปลกใจที่ครูบางคนไม่ให้ความเต็มที่กับเด็ก พูดกันตามตรง ครูควรได้เงินมากเหมือนหมอหมอที่สามารถผ่าตัดหัวใจช่วยชีวิตเด็ก แต่ครูที่ดีสามารถเข้าถึงหัวใจของเด็กและอนุญาตให้เด็กใช้ชีวิตที่แท้จริง ครูคือฮีโร่ที่มักถูกใส่ร้าย แต่พวกเขาไม่ใช่ปัญหาพวกเขาทํางานอยู่ในระบบที่ไม่มีทางเลือกหลักสูตรถูกออกแบบมาจากคนในกระทรวง คนที่ไม่เคยสอนใครเลยในชีวิต เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการสอบวัดผลพวกเขาคิดว่า การกาข้อสอบมั่วมั่วจะเป็นตัววัดความสําเร็จซึ่งมันไม่เกี่ยวเลย ความจริงคือการสอบแบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย มันควรถูกยกเลิกได้แล้ว ถ้าพวกเรายังคงทําแบบนี้ ผลลัพธ์มันมีแต่แย่ลง ผมไม่มีความศรัทธาในโรงเรียน แต่ผมมีความศรัทธาในผู้คน มันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทําให้การศึกษาปรับแต่งได้เพื่อปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง อย่าทําในแบบที่โรงเรียนต้องการเพราะมันไร้ประโยชน์ นอกจากเราจะดึงจิตวิญญาณจากนักเรียนแต่ละคนออกมาได้ เราควรจะเลิกวิชาบังคับ แต่เราต้องเข้าถึงหัวใจของเด็กทุกคน แน่นอนวิชาเลขก็สําคัญ แต่ไม่สําคัญไปกว่าศิลปะหรือการเต้น ให้ทุกทุกพรสวรรค์มีโอกาสเท่าเทียมกัน ผมรู้มันเหมือนเพ้อเจ้อแต่มันกําลังเกิดขึ้นในประเทศฟินแลนด์พวกเค้ามีชั่วโมงเรียนน้อยลง ครูมีรายได้มากพอเด็กไม่มีการบ้านพวกเค้าเน้นความร่วมมือแทนที่จะแข่งขันกัน แต่ที่ดีที่สุดคือการศึกษาของพวกเค้าทิ้งประเทศอื่นในโลกนี้แบบไม่เห็นฝุ่น ประเทศสิงคโปร์ก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว มันไม่ได้มีทางออกแค่ทางเดียวเราต้องไปกันต่อ แม้จํานวนนักเรียนจะมีเพียง 20% ของประชากรแต่พวกเค้าคือร้อยเปอร์เซ็นต์ของอนาคตเรา ช่วยกันใส่ใจกับความฝันของพวกเค้า และนี่คือความท้าทายที่เราต้องทําให้ได้ นี่คือโลกที่ผมเชื่อโลกของปลาที่ไม่ต้องถูกบังคับ ให้ปีนขึ้นต้นไม้อีกแล้วผมขอสรุปเพียงเท่านี้ เรียบเรียงโดย Thai Weapon Channel
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น